สถานการณ์ไซเบอร์

Surveillance

แก้ไขล่าสุดเมื่อ :
ไม่มีไฟล์แนบ

รัฐบาลสหรัฐฯ เคยสั่งให้กูเกิลให้ข้อมูลของผู้ที่ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับคดีอาชญากรรม

เว็บไซต์ forbes.com รายงานเมื่อ ๔ ต.ค. ๖๔ ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เคยสั่งให้บริษัทกูเกิลให้ข้อมูลเกี่ยวกับทุกคนที่พิมพ์ข้อความค้นหาที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของเหยื่อการล่วงละเมิดทางเพศ เมื่อปี ๒๕๖๒

Forbes ได้อ้างอิงเอกสารของศาลที่เผยแพร่โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าเมื่อปี ๒๕๖๒ ผู้สอบสวนของรัฐบาลกลางในรัฐวิสคอนซินที่กำลังตามล่าชายที่เชื่อว่ามีส่วนร่วมในการค้ามนุษย์และการล่วงละเมิดทางเพศผู้เยาว์ซึ่งได้สูญหายไปในปีเดียวกัน โดยในเอกสารเปิดผนึกตามหมายค้นที่ Forbes ตรวจสอบพบความพยายามที่จะไล่ตามผู้กระทำความผิด ผู้สืบสวนได้ขอให้กูเกิลส่งข้อมูลเกี่ยวกับใครก็ตามที่ค้นหาชื่อเหยื่อ การสะกดชื่อมารดาของเหยื่อสองครั้ง และผู้ที่ค้นหาที่อยู่ของเหยื่อในห้วงเวลา ๑๖ วันในปีดังกล่าว หลังจากถูกขอให้ระบุบัญชีกูเกิลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและที่อยู่ IP ของผู้ที่ทำการค้นหา กูเกิลได้ให้ข้อมูลตอบในช่วงกลางปี ๒๕๖๓ แม้ว่าเอกสารของศาลจะไม่เปิดเผยว่ามีผู้ใช้กี่รายที่ส่งข้อมูลไปยังรัฐบาล

นอกจากนี้ ยังมีกรณีอื่นที่ศาลสหรัฐฯ สั่งให้กูเกิลให้ข้อมูลตามการร้องขอของเจ้าหน้าที่ อาทิ เมื่อปี ๒๕๖๓ ทางการสหรัฐฯ สั่งให้กูเกิลให้ข้อมูลของผู้ที่ค้นหาที่อยู่ของเหยื่อที่บ้านถูกวางเพลิง และกรณีเมื่อปี ๒๕๖๐ ซึ่งผู้พิพากษาศาลรัฐมินนิโซตาออกคำสั่งให้กูเกิลให้ข้อมูลของบุคคลใดก็ตามที่ค้นหาชื่อของเหยื่อคดีการฉ้อโกงในเมืองเอดินา และเมื่อปี ๒๕๖๑ ในคดีการลอบวางระเบิดต่อเนื่องที่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส ได้มีคำสั่งให้กูเกิลให้ข้อมูลที่อยู่ IP และข้อมูลบัญชีกูเกิลของบุคคลใดก็ตามที่ค้นหาที่อยู่ตามที่กำหนดและค้นหาบางคำที่เกี่ยวข้องกับการทำระเบิด เช่น "ระเบิดแรงดันต่ำ" หรือ "ระเบิดท่อ" โดยได้มีการสั่งการให้บริษัทไมโครซอฟต์ และบริษัทยาฮูให้ร่วมมือด้วย

ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวกังวลเกี่ยวกับแบบอย่างที่กำหนดโดยหมายศาลดังกล่าวจะทำให้เปิดโอกาสให้มีการละเมิดความเป็นส่วนตัวจากการค้นหาข้อมูลที่ไม่สมเหตุผล โดยเจนนิเฟอร์ กรานิค ที่ปรึกษาด้านการเฝ้าระวังและความปลอดภัยทางไซเบอร์ของสหภาพเสรีภาพพลเรือนอเมริกัน (ACLU) ระบุว่า การสืบค้นข้อมูลผ่านฐานข้อมูลประวัติการค้นหาของ กูเกิล ทำให้ตำรวจสามารถระบุตัวบุคคลโดยอิงจากสิ่งที่พวกเขาอาจคิด ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ณ จุดใดจุดหนึ่งในอดีต นี่เป็นเสมือนการลากผ่านความสนใจ ความเชื่อ ความคิดเห็น ค่านิยม และมิตรภาพของสาธารณชน คล้ายกับการอ่านใจที่ขับเคลื่อนโดยไทม์แมชชีนของกูเกิลและจะกวาดล้างผู้บริสุทธิ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีคำค้นหาหลักไม่เจาะจงพอและกรอบเวลาค้นหาที่ไม่แม่นยำ

โฆษกของกูเกิลระบุว่า ทางกูเกิลมีกระบวนการที่เข้มงวดซึ่งออกแบบมาเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนงานสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายด้วย