สนข. BBC รายงานเมื่อ 11 พ.ย.66 ว่า ที่ประชุม Joint Arab Islamic Extraordinary Summit ที่กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย ในวันเดียวกัน ซึ่งมีผู้นำกลุ่มชาติอาหรับและชาติมุสลิม จำนวน 57 ประเทศเข้าร่วม เพื่อหารือในประเด็นวิกฤติมนุษยธรรมในฉนวนกาซา เห็นพ้องประณามปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซาและเรียกร้องให้หยุดยิงทันที
สำหรับถ้อยแถลงรายประเทศที่น่าสนใจ ประกอบด้วย 1) กาตาร์ เรียกร้องให้อิสราเอลหยุดยิงถาวร (permanent ceasefire) และปฏิเสธข้อกล่าวหาเท็จของอิสราเอลที่ระบุว่ากลุ่มฮามาสสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารบริเวณรอบ ๆ และใต้โรงพยาบาลในพื้นที่ฉนวนกาซา โดยกาตาร์จะดำเนินการเจรจากับกลุ่มฮามาสเพื่อให้มีการปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอล 2) ซาอุดีอาระเบีย โจมตีประชาคมระหว่างประเทศและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ถึงความล้มเหลวในการยับยั้งอิสราเอลที่ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รวมถึงเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการยึดครองและการตั้งถิ่นฐานผิดกฎหมาย โดยให้คืนสิทธิ์ชาวปาเลสไตน์ในการก่อตั้งรัฐตามแนวเส้นแบ่งเขตแดนปี 1967 (2510) โดยมีเยรูซาเลมตะวันออกเป็นเมืองหลวง 3) ปาเลสไตน์ เรียกร้องให้สหรัฐฯ ยุติการรุกราน การยึดครอง การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ของอิสราเอล และปฏิเสธทุกความพยายามที่จะขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากฉนวนกาซาหรือในเขตเวสแบงค์ 4) อิหร่าน เรียกร้องให้มีการระบุกองทัพอิสราเอลว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย และโจมตีการขยายพื้นที่สงครามของสหรัฐฯ และ 5) แอลจีเรีย เรียกร้องให้ทุกประเทศในที่ประชุมตัดความสัมพันธ์กับอิสราเอล