อายะตุลลอฮ์ ซัยยิด อะลี คอมะนะอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน กล่าวเทศนา (คุตบะห์) ในพิธีละหมาดวันศุกร์ เมื่อ 4 ต.ค.67 ที่กรุงเตะหราน มีสาระสำคัญดังนี้ (1) อิหร่านและพันธมิตรในภูมิภาคจะไม่ยอมจำนวนต่อการโจมตีของอิสราเอลที่ทำให้นักรบของแนวร่วมเสียชีวิต (2) ปฏิบัติการโจมตีอิสราเอล ครั้งที่ 2 (Operation True Promise II) ของอิหร่าน เมื่อ 1 ต.ค.67 เป็นสิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมาย และเป็นการตอบโต้ที่จำเป็นต่อการกระทำของอิสราเอล และการตอบโต้อิสราเอลในอนาคตจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด สมเหตุสมผล ตามเวลาที่เหมาะสม (3) ปาเลสไตน์และเลบานอนมีสิทธิชอบธรรมตามกฎหมาย ในการยืนหยัดต่อสู้เพื่อปกป้องดินแดนและอธิปไตยจากอิสราเอล เฉพาะอย่างยิ่งปฏิบัติการโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่ของกลุ่มฮะมาสในฉนวนกาซา หรือ Operation al-Aqsa Storm เมื่อ 7 ต.ค.66 เป็นสิ่งถูกต้อง (4) ความสามัคคีของประชาชาติอิสลามจะช่วยให้มีชัยชนะเหนือศัตรูที่ใช้หลากหลายวิธีเพื่อครอบงำประเทศมุสลิม และศัตรูของประชาชาติอิสลามเป็นศัตรูเดียวกันกับปาเลสไตน์ เลบานอน อิรัก อียิปต์ ซีเรีย และเยเมน (5) การเสียชีวิตของนาย Hassan Nasrallah ผู้นำกลุ่มฮิบุลลอฮ์ในเลบานอน เป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ แต่แสดงให้เห็นว่าอิสราเอลไม่สามารถทำลายโครงสร้างที่แข็งแกร่งของกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ รวมถึงกลุ่มฮะมาส และขบวนการต่อต้านอื่น ๆ ได้ จึงต้องใช้วิธีการลอบสังหารและการโจมตีพลเรือนแทน และ (6) อิสราเอลและการแทรกแซงของชาติตะวันตกที่อ้างว่าพยายามสร้างสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคตะวันออกกลาง เป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดสงคราม ความไม่มั่นคง และความล้าหลังในภูมิภาค