ข่าวสารและความรู้

สถานการณ์ข่าวต่างประเทศ

เผยแพร่เมื่อ : Oct. 17, 2024, 4:11 p.m.
เข้าชม : 239

นักวิเคราะห์ประเมินว่าจีนจะเพิ่มแรงกดดันต่อชนกลุ่มน้อยในรัฐฉานตอนเหนือเพื่อให้เจรจากับรัฐบาลเมียนมา

เผยแพร่เมื่อ : Oct. 17, 2024, 4:11 p.m. | เข้าชม : 239

สนข. The Irrawaddy รายงานเมื่อ 17 ต.ค.67 เผยแพร่บทความที่เขียนโดย นาย Ko Oo นักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการกลุ่มชาติพันธุ์ ประเมินว่า จีนจะเพิ่มแรงกดดันต่อชนกลุ่มน้อยที่เคลื่อนไหวในรัฐฉานตอนเหนือของเมียนมา (ติดกับชายแดนจีน) มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Brotherhood Alliance ที่นำโดยกลุ่มโกกั้งเมืองเลาไงก์ (MNDAA) และกองทัพปลดปล่อยแห่งชนชาติตะอาง (TNLA) เพื่อให้ยุติการสู้รบและเจรจาจัดทำข้อตกลงหยุดยิงกับกองทัพเมียนมาอีกครั้ง หลังจากมีข่าวสารรั่วไหวเกี่ยวกับผลการเจรจาระหว่าง นายเติ้ง สีจุน ผู้แทนพิเศษ กต.จีน ด้านกิจการเอเชีย กับผู้แทนกองทัพสหรัฐว้า (UWSA) ซึ่งเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ที่สุดในรัฐฉาน เมื่อ 27 ส.ค.67 ซึ่งจีนพยายามกดดันให้ UWSA ร่วมผลักดันให้ MNDAA กับ TNLA ยอมเจรจากับรัฐบาลเมียนมา โดยใช้กลยุทธ์ "4 ตัด" ได้แก่ ตัดการเข้าถึงอาหาร เงินทุน ข้อมูลข่าวสาร และการเสริมกำลังพล ขณะที่จีนปิดจุดผ่านแดนบริเวณรัฐฉานทางตอนเหนือ เมื่อ ก.ย.67 เพื่อตัดเส้นทางส่งกำลังบำรุง เชื้อเพลิง และรายได้ สิ่งสำคัญคือ จีนไม่ต้องการให้กองกำลังชนกลุ่มน้อยในรัฐฉานเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ที่สนับสนุนโดยสหรัฐฯ  อีกทั้งผลประโยชน์ของจีนในเมียนมาส่วนใหญ่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลเมียนมามากกว่ากลุ่มต่อต้าน โดยนาย Ko Oo ระบุว่า จีนไม่ได้ส่งมอบอาวุธแบบให้เปล่าแก่ชนกลุ่มน้อยในเมียนมานับตั้งแต่ที่พรรคคอมมิวนิสต์เมียนมา (CPB) ล่มสลายเมื่อปี 2532 จึงเชื่อว่าจีนไม่สามารถควบคุุมได้อย่างเบ็ดเสร็จ พร้อมกับพาดพิงถึงไทยว่า จีนเป็นแหล่งจัดหาอาวุธที่สำคัญของชนกลุ่มน้อยในรัฐฉาน เช่นเดียวกับชนกลุ่มน้อยในรัฐกะเหรี่ยง รัฐคะยา รัฐมอญ และรัฐฉานตอนใต้ ที่จัดหาอาวุธจากไทย อาทิ ปืนไรเฟิล M-16 ที่ผลิตจากสหรัฐฯ